...
Line

ความสมดุลระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้: ที่มาและการประยุกต์ใช้ในกฎหมายล้มละลายไทย

“กฎหมายล้มละลายไม่ใช่เพียงเครื่องมือในการจัดการหนี้สิน แต่เป็นกลไกที่สะท้อนถึงความยุติธรรมและโอกาสในการเริ่มต้นใหม่สำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง”

รากฐานและพัฒนาการของกฎหมายล้มละลายไทย

กฎหมายล้มละลายไทยเริ่มต้นจากพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ซึ่งได้รับอิทธิพลจากระบบกฎหมายตะวันตก กฎหมายล้มละลายเป็นกฎหมายที่ได้สร้างระบบการบริหารจัดการทรัพย์สินของลูกหนี้ที่อยู่ในสภาวะมีหนี้สินล้นพันตัว เพื่อนำเงินที่ได้จากการจำหน่ายทรัพย์สินไปชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ทั้งหลายโดยเป็นธรรมตามลำดับบุริมสิทธิ และเท่าเทียมกันในบรรดาเจ้าหนี้ที่อยู่ในประเภทเดียวกัน ทั้งมีกลไกที่จะช่วยให้ลูกหนี้ซึ่งสุจริตมีโอกาสหลุดพ้นจากหนี้ที่อาจขอรับชำระได้ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ (fresh star!) ต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม มีแนวคิดการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 และได้มีการแก้ไขให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคม แก้ไขล่าสุดเมื่อ พ.ศ.2561  แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงทางปรัชญาที่สำคัญ พัฒนาการนี้บ่งบอกถึงเจตนารมณ์ในการสร้างสมดุล โดยวัตถุประสงค์ของการฟื้นฟูกิจการนั้นได้แก่ การรักษามูลค่าขององค์กรธุรกิจนั้นทั้งหมดไว้ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แทนที่จะถูกแยกเป็นส่วน ๆ ซึ่งจะทำให้มูลค่าของกิจการนั้นลดลง เมื่อพิจารณาแล้วพบว่าเพื่อให้ลูกหนี้มีโอกาศได้ฟื้นฟูกิจการได้ซึ่งจะช่วยให้เจ้าหนี้มีโอกาศได้รับการชำระหนี้อย่างเป็นธรรม ซึ่งเป็นการส่งเสริมเศษฐกิจและการค้าได้

นโยบายและปรัชญาของกฎหมายล้มละลายไทย

กฎหมายล้มละลายไทยได้รับการปรับปรุงหลายครั้งเพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลง โดยมีการนำแนวคิดการฟื้นฟูกิจการเข้ามาในปี พ.ศ. 2541 หลังวิกฤตเศรษฐกิจเอเชีย เพื่อเปิดโอกาสให้ธุรกิจที่มีศักยภาพสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ นโยบายนี้สะท้อนถึงความพยายามในการสร้างสมดุลระหว่างการปกป้องสิทธิของเจ้าหนี้และการให้โอกาสลูกหนี้ในการฟื้นตัว

หลักการแห่งความสมดุล

ปรัชญาของกฎหมายล้มละลายไทยมุ่งรักษาความสมดุลระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้ผ่านสองกระบวนการหลัก:

  1. การล้มละลาย: กระบวนการนี้ให้เจ้าหนี้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ตามมาตรา 7 และ 8 ซึ่งกำหนดให้ลูกหนี้ต้องมีหนี้สินล้นพ้นตัว เป้าหมายคือการชำระหนี้ให้เจ้าหนี้อย่างเป็นธรรม แต่กฎหมายยังเปิดโอกาสให้ลูกหนี้โต้แย้ง เพื่อป้องกันการพิพากษาที่ไม่ชอบธรรม
  2. การฟื้นฟูกิจการ: ตามมาตรา 90/12 กระบวนการนี้ช่วยให้ลูกหนี้ที่มีศักยภาพดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยต้องจัดทำแผนฟื้นฟูที่เจ้าหนี้ยอมรับ นี่คือตัวอย่างของการประสานผลประโยชน์ระหว่างเจ้าหนี้ที่ต้องการเงินคืน และลูกหนี้ที่ต้องการรักษาธุรกิจ

การตีความคำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง

ศาลฎีกาไทยมีบทบาทสำคัญในการตีความและกำหนดแนวทางปฏิบัติในกรณีล้มละลาย ตัวอย่างเช่น ในคำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการ ศาลได้เน้นย้ำว่าการอนุมัติแผนต้องไม่ทำให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้น้อยกว่าที่จะได้รับหากมีการพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลาย การตีความนี้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการรักษาสิทธิของเจ้าหนี้ในกระบวนการฟื้นฟูกิจการ

กรณีศึกษา: คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1471/2564

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1471/2564 กับการคุ้มครองเจ้าหนี้จากพฤติกรรมไม่สุจริตของลูกหนี้ล้มละลาย

กฎหมายล้มละลายไทยมีเจตนารมณ์สำคัญในการสร้างสมดุลระหว่างการให้โอกาสแก่ลูกหนี้ที่สุจริตกับการคุ้มครองสิทธิของเจ้าหนี้มิให้ถูกเอารัดเอาเปรียบ อย่างไรก็ดี คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1471/2564 ได้ย้ำถึงจุดยืนของกฎหมายต่อพฤติกรรมที่ไม่สุจริตแม้ลูกหนี้จะได้รับการปลดจากล้มละลายไปแล้วก็ตาม

ข้อเท็จจริงโดยสังเขป

               จำเลยที่ 3 เป็นบุคคลล้มละลายที่ได้รับการพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเมื่อปี 2552 และพิพากษาล้มละลายในปี 2553 ต่อมาในปี 2554 จำเลยที่ 3 ได้ทำสัญญารับจ้างกับโจทก์ในฐานะตัวแทนของจำเลยที่ 1 โดยไม่เปิดเผยสถานะการล้มละลายของตน จนกระทั่งมีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลมีคำพิพากษาตามยอม

               ภายหลังโจทก์ทราบว่าจำเลยที่ 3 เป็นบุคคลล้มละลาย จึงร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำพิพากษาตามยอม แต่ไม่ได้รับอนุญาต ต่อมาเมื่อจำเลยที่ 3 ได้รับการปลดจากล้มละลายในปี 2558 โจทก์จึงนำคดีไปสู่การบังคับคดีกับทรัพย์สินที่ได้มาใหม่ แต่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไม่ได้ อ้างเหตุว่าหนี้เกิดในระหว่างการล้มละลาย

ประเด็นข้อกฎหมายและการวินิจฉัย

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า หนี้ที่เกิดจากพฤติกรรมของจำเลยที่ 3 ที่ จงใจปกปิดสถานะการล้มละลายของตนเอง และทำให้เกิดคำพิพากษาตามยอมนั้น เป็นหนี้ที่ “เกิดภายหลังการพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด” และมิใช่หนี้ที่ขอรับชำระได้ในคดีล้มละลายตาม มาตรา 22 และ 24

ดังนั้น หนี้นั้นจึง:

  • ไม่อยู่ภายใต้การจัดการของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
  • ไม่ถือเป็นหนี้ที่สามารถขอรับชำระจากกองทรัพย์สินในคดีล้มละลาย
  • เป็นหนี้ที่เจ้าหนี้ (โจทก์) สามารถนำมาบังคับคดีโดยตรงกับทรัพย์สินของจำเลยที่ 3 ได้ ภายหลังการปลดล้มละลาย

นอกจากนี้ ศาลยังตีความ มาตรา 77 และ 81/1 ว่า การปลดจากล้มละลาย ไม่ทำให้จำเลยที่ 3 หลุดพ้นจากหนี้ที่เกิดจากพฤติกรรมไม่สุจริตดังกล่าว

วิเคราะห์ทางกฎหมาย

คำพิพากษานี้ตอกย้ำหลักการที่สำคัญในระบบกฎหมายล้มละลายไทยว่า:

1.หลักสุจริตเป็นหัวใจของการปลดจากล้มละลาย

หากลูกหนี้มีพฤติกรรมที่แสดงถึงการใช้สิทธิโยไม่สุจริต หรือปกปิดข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญ ย่อมไม่อาจอาศัยสถานะการล้มละลายเพื่อคุ้มกันตนจากความรับผิดในภายหลังได้

2.การคุ้มครองเจ้าหนี้อย่างสมเหตุสมผล

หากเปิดช่องให้ลูกหนี้สามารถอ้างสถานะล้มละลายเพื่อหลีกเลี่ยงความรับผิดจากหนี้ที่เกิดจากการฉ้อฉล ย่อมเป็นการทำลายระบบความน่าเชื่อถือของการบังคับคดีและบ่อนทำลายวินัยทางธุรกิจ

3.แนวทางบังคับคดีภายหลังการปลดล้มละลาย

ศาลยืนยันว่าเจ้าหนี้สามารถนำคำพิพากษาตามยอมที่มีอยู่ ไปบังคับเอากับทรัพย์สินที่ลูกหนี้ได้มาใหม่ หลังจากปลดจากล้มละลาย ได้ เพราะไม่ใช่ทรัพย์ที่ควรแบ่งในคดีล้มละลาย

ข้อเสนอเชิงนโยบาย

เพื่อส่งเสริมความมั่นใจให้แก่เจ้าหนี้ และรักษาหลักนิติธรรมในระบบกฎหมายล้มละลายไทย ควรพิจารณาดำเนินการดังนี้:

 – เพิ่มความชัดเจนในกฎหมายหลักเกี่ยวกับ ผลของพฤติกรรมไม่สุจริตต่อการปลดจากล้มละลาย

 – ปรับปรุงแนวทางปฏิบัติของเจ้าพนักงานบังคับคดี ให้สามารถใช้ดุลพินิจอย่างยืดหยุ่นตามคำพิพากษาศาลฎีกา

 – พัฒนาหลักสูตรอบรมเจ้าหนี้และนักกฎหมายด้านการล้มละลายเกี่ยวกับ “การใช้สิทธิในกรณีที่ลูกหนี้ไม่สุจริต”

สรุปคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1471/2564 เป็นหลักหมุดสำคัญในการวางแนวทางการตีความกฎหมายล้มละลายไทย โดยเฉพาะกรณีที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมไม่สุจริตของลูกหนี้ คดีนี้เป็นเครื่องยืนยันว่า แม้ลูกหนี้จะได้รับการปลดจากล้มละลาย แต่หนี้ที่เกิดจากการฉ้อฉลหรือหลอกลวงย่อมไม่พ้นจากการบังคับคดี และเจ้าหนี้ยังสามารถใช้สิทธิตามกฎหมายเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนได้อย่างเต็มที่

การเปรียบเทียบกับกฎหมายล้มละลายของประเทศอื่น เมื่อเปรียบเทียบกับกฎหมายล้มละลายของประเทศอื่น พบว่ากฎหมายไทยยังมีข้อจำกัดบางประการ โดยเฉพาะในเรื่องการยอมรับกระบวนการล้มละลายข้ามพรมแดน กฎหมายไทยไม่รับรองคำพิพากษาหรือกระบวนการล้มละลายที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ ซึ่งแตกต่างจากประเทศที่รับรองโมเดลกฎหมายล้มละลายข้ามพรมแดนของ ข้อจำกัดนี้อาจส่งผลต่อความสามารถในการจัดการกับกรณีล้มละลายที่มีองค์ประกอบระหว่างประเทศ

มิติข้ามชาติ: กฎหมายล้มละลายข้ามพรมแดน

ในยุคที่เศรษฐกิจโลกเชื่อมโยงกันมากขึ้น ปัญหาการล้มละลายข้ามพรมแดนกลายเป็นประเด็นที่ท้าทายความสมดุลในกฎหมายไทย รายงานถึงการสัมมนาเกี่ยวกับ Model Law on Cross-Border Insolvency ของ UNCITRAL ซึ่งประเทศไทยเริ่มพิจารณานำมาปรับใช้เพื่อจัดการกรณีที่ลูกหนี้หรือเจ้าหนี้มีทรัพย์สินหรือหนี้สินในหลายประเทศ เอกสารจากศาลฎีกา  ระบุว่า การล้มละลายข้ามชาติต้องการความร่วมมือระหว่างศาลและหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างการคุ้มครองเจ้าหนี้ในประเทศและต่างประเทศ กับการให้โอกาสลูกหนี้ในการฟื้นฟูหรือชำระหนี้อย่างเป็นธรรม

กรณีนี้เพิ่มมิติใหม่ให้กับปรัชญาของกฎหมายล้มละลายไทย โดยขยายขอบเขตการรักษาความสมดุลไปสู่ระดับสากล ซึ่งอาจส่งผลต่อการพัฒนากฎหมายในอนาคต เช่น การกำหนดหลักเกณฑ์การยอมรับคำพิพากษาล้มละลายจากต่างประเทศ หรือการจัดการทรัพย์สินของลูกหนี้ที่อยู่นอกประเทศไทย

ความท้าทายและข้อเสนอแนะ

แม้ว่ากฎหมายล้มละลายไทยจะมีการพัฒนาเพื่อสร้างความสมดุลระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้ แต่ยังคงมีความท้าทายในทางปฏิบัติ เช่น การจัดการกับกรณีล้มละลายข้ามพรมแดน และการปรับปรุงกระบวนการฟื้นฟูให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การนำแนวทางจากกฎหมายต่างประเทศมาใช้ เช่น การยอมรับกระบวนการล้มละลายข้ามพรมแดน อาจช่วยเสริมสร้างความยุติธรรมและประสิทธิภาพในระบบกฎหมายล้มละลายไทย

กฎหมายล้มละลายไทยมีปรัชญาที่มุ่งสร้างความสมดุลระหว่างการปกป้องสิทธิของเจ้าหนี้และการให้โอกาสลูกหนี้ในการฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายที่ต้องเผชิญ โดยเฉพาะในบริบทของการล้มละลายข้ามพรมแดน การปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลและการตีความที่ชัดเจนจากศาลจะช่วยเสริมสร้างความยุติธรรมและประสิทธิภาพในระบบกฎหมายล้มละลายไทย

อ้างอิง

1.Tilleke & Gibbins. (2011). Bankruptcy Law in Thailand. https://www.tilleke.com/insights/bankruptcy-law-thailand/92/

2.INSOL Asia Hub. (2023). Thailand Supreme Court Clarifies Requirements for Approving Business Reorganisation Plans. https://www.linkedin.com/posts/insol-asia-hub_thailand-insolvency-restructuring-activity-7279674813105745921-J2_1

3.Chambers Practice Guides. (2024). Insolvency 2024: Thailand. https://practiceguides.chambers.com/practice-guides/insolvency-2024/thailand

4.Thai Publica. (2016). Model Law on Cross-Border Insolvency Seminar. https://thaipublica.org/2016/06/model-law-on-cross-border-insolvency-seminar/

5.Supremecourt.or.th. กฎหมายล้มละลายข้ามชาติ. https://www.supremecourt.or.th/storage/article_pdf/15121520220526-กฎหมายล้มละลายข้ามชาติ3.pdf

6.Chambers Practice Guides. (2024). Insolvency 2024: Thailand. https://practiceguides.chambers.com/practice-guides/insolvency-2024/thailand

7.Deka.in.th. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1471/2564. https://deka.in.th/view-267162.html

8.Baker McKenzie. (2017). Global Restructuring & Insolvency Guide: Thailand. https://restructuring.bakermckenzie.com/wp-content/uploads/sites/23/2017/01/Global-Restructuring-Insolvency-Guide-New-Logo-Thailand.pdf

Seraphinite AcceleratorOptimized by Seraphinite Accelerator
Turns on site high speed to be attractive for people and search engines.